ทำไมประกันสะสมทรัพย์เป็นวิธีลดหย่อนภาษีที่น่าสนใจ?

ทำไมประกันสะสมทรัพย์เป็นวิธีลดหย่อนภาษีที่น่าสนใจ?

สำหรับใครที่กำลังมองหาตัวช่วยในการลดหย่อนภาษี ขอแนะนำอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ที่จะช่วยให้คุณได้ลดหย่อนภาษีอย่างคุ้มค่า ควบคู่ไปกับการได้รับความคุ้มครองชีวิต พร้อมช่วยวางแผนการเงินที่ดีในอนาคตไปพร้อมๆ กัน นั่นก็คือ “ประกันสะสมทรัพย์” หรือ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment) ซึ่งเป็นประกันชีวิตรูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยสร้างเงินออมให้กับผู้เอาประกันภัยไปด้วย โดยในระหว่างระยะเวลาสัญญา คุณจะได้รับความคุ้มครองชีวิตควบคู่กับได้รับผลประโยชน์เงินคืนในแต่ละปี (ขึ้นอยู่กับรูปแบบของแต่ละแบบประกัน) รวมถึงเมื่อครบกำหนดสัญญา ก็จะได้รับผลประโยชน์เงินคืนก้อนใหญ่ ซึ่งจะเป็นเงินทุนสำรองที่มั่นคงสำหรับการใช้ชีวิตในอนาคตอย่างสบายใจ รวมถึงความคุ้มครองชีวิตที่คุณได้รับในระหว่างระยะเวลาการเอาประกันภัย หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ครอบครัว หรือผู้รับผลประโยชน์ของคุณจะได้รับเงินก้อนคืนเพื่อเป็นหลักประกันทางการเงินที่มั่นคงพวกเขาอีกด้วย เรียกได้ว่า ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ช่วยให้คุณวางแผนทางการเงินสู่ความมั่นคงในอนาคตได้เป็นอย่างดี พร้อมรับความคุ้มครองชีวิตไปในแผนเดียวกัน ซึ่งใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย

5 เหตุผล ที่ควรทำประกันสะสมทรัพย์ ลดหย่อนภาษี

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า ประกันสะสมทรัพย์ลดหย่อนภาษี โดยเฉพาะในช่วงปลายปี ที่คนส่วนมากมองหาตัวช่วยในการลดหย่อนภาษีอย่างประกันสะสมทรัพย์ แน่นอนว่า นอกเหนือไปจากข้อดีของการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ประกันสะสมทรัพย์เองก็มีอีกหลายเหตุผลดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจทำประกันนี้ได้อย่างไม่ต้องลังเล

  1. เบี้ยประกันภัยนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ : สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณเป็นผู้ที่มีเงินได้ในระหว่างปีที่ผ่านมาคือ “การเสียภาษี” และเมื่อครบ 1 ปีภาษี คนที่มีเงินได้ มีหน้าที่ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ โดยเงินได้สุทธิสามารถหาได้จากการนำรายได้ทั้งหมดมารวมกัน พร้อมหาค่าลดหย่อนต่าง ๆ (เช่น ค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อน) และนำมาหักออกจากรายได้ทั้งหมด เหลือเท่าไรคือเงินได้สุทธิที่จะนำไปคำนวณภาษีแบบขั้นบันได ซึ่งหนึ่งในทางเลือกที่ดีสำหรับตัวช่วยลดหย่อนภาษี ก็คือประกันสะสมทรัพย์นี่เอง โดยเบี้ยประกันภัยสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท/ ปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด

  2. ได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน : ประกันสะสมทรัพย์เป็นประกันชีวิตรูปแบบการสร้างเงินออมที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยแต่ละแบบประกันจะมีแผนความคุ้มครองและรูปแบบผลประโยชน์เงินคืนที่กำหนดเอาไว้ ทำให้ผู้เอาประกันภัยได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน ไม่ผันผวนทางเศรษฐกิจ ช่วยให้สามารถวางแผนทางการเงินในอนาคตได้อย่างแม่นยำ รวมถึงผลประโยชน์ตอบแทนรวมเมื่อครบสัญญา จะได้รับมากกว่าเบี้ยประกันภัยที่ชำระไป ซึ่งเป็นผลประโยชน์เงินคืนที่แบบประกันการันตีว่าคุณได้รับแน่นอน ช่วยสร้างเงินออมของคุณให้งอกเงยได้

  3. วางแผนทางการเงินในระยะยาวได้ : ประกันสะสมทรัพย์แต่ละแผน จะมีรูปแบบในการชำระเบี้ยรายเดือน/ รายปี ในระยะเวลาแตกต่างกันออกไป เช่น 1 ปี จ่ายครั้งเดียวจบ จ่ายเบี้ยฯสั้น 2 ปี หรือ 5 ปี โดยผู้เอาประกันภัยจะได้รับผลประโยชน์เงินคืนในรูปแบบที่แตกต่างออกไปตามแต่ละแผนเช่นกัน เช่น ได้รับเงินคืนทุกปีตลอดระยะเวลาสัญญา ได้รับเงินคืนก้อนใหญ่เมื่อถึงปีกรมธรรม์ที่ 7 หรือได้เงินก้อนคืนเมื่อครบกำหนดสัญญา ซึ่งรูปแบนี้ เป็นอีกหนึ่งในข้อดีของการทำประกันสะสมทรัพย์ ที่ช่วยลดความเสี่ยงที่จะนำเงินออกมาใช้ก่อนถึงครบกำหนด และได้รับเงินคืนในแต่ละปีตามเงื่อนไขกรมธรรม์ เรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยสร้างวินัยการออมเงินที่ดี ให้คุณวางแผนทางการเงินในอนาคตได้

  4. ได้รับความคุ้มครองชีวิต : ช่วยให้คุณเตรียมพร้อมกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น กรณีเสียชีวิต จะได้รับเงินก้อนคืนตามทุนประกันชีวิต โดยมอบให้ผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งผู้เอาประกันภัยสามารถระบุได้ว่าจะมอบให้กับใครในครอบครัว ที่มีความสัมพันธ์เป็น บิดา / มารดา / บุตร / สามี / ภรรยา / พี่ / น้อง รวมถึงสามารถกำหนดสัดส่วน % ของผลประโยชน์เงินคืนนี้ได้อีกด้วย ว่าจะมอบให้ใครในสัดส่วนเท่าไหร่ ทั้งนี้สามารถทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ได้ทั้งในมุมของคนที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ทำเพื่อเตรียมพร้อมกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น หรือในมุมของพ่อแม่สูงวัย ที่ต้องการช่วยสร้างความมั่นคง และอยากลดภาระค่าใช้จ่ายกรณีที่ตนเองเสียชีวิตให้กับลูก หลานที่ยังอยู่ได้อีกด้วย เนื่องจากประกันสะสมทรัพย์บางแผน อายุรับประกันภัยสูงถึงอายุ 80 ปี

  5. ผลประโยชน์เงินคืนได้จากประกันสะสมทรัพย์ได้รับการยกเว้นภาษี : ข้อนี้เป็นอีกหนึ่งข้อดีที่น่าสนใจมาก ๆ ของการทำประกันสะสมทรัพย์ เนื่องจากผลประโยชน์เงินคืนที่ได้รับ คุณจะได้รับไปเต็มจำนวน ต่างจากผลประโยชน์เงินคืนจากการสร้างเงินออมรูปแบบอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนกับกองทุนรวม หรือแม้แต่การฝากเงินกับธนาคาร โดยดอกเบี้ยที่ได้รับจากเงินฝากธนาคาร ก็จะต้องเสียภาษีอีกด้วย

ประกันสะสมทรัพย์ ประกันลดหย่อนภาษี

จากเหตุผลข้อแรกข้างต้นที่กล่าวว่าประกันสะสมทรัพย์ สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนเบี้ยฯ ที่จ่ายจริง มาดูรายละเอียดเพิ่มเติมของการใช้ประกันสะสมทรัพย์ในการลดหย่อนภาษีกันว่ามีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง

ประกันชีวิตทั่วไป สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment) นับเป็นประกันชีวิตทั่วไปรูปแบบหนึ่ง โดยเงื่อนไขการใช้ประกันชีวิตแบบทั่วไปลดหย่อนภาษีมีดังนี้

  • สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
  • หากมีประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ ลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท
  • ต้องเป็นประกันชีวิตโดยบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทยเท่านั้น
  • กรมธรรม์ประกันชีวิตต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไป
  • กรณีที่ประกันมีการจ่ายเงินคืนทุกปี จำนวนเงินต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยรายปี หรือหากเป็นการจ่ายเงินคืนตามช่วงเวลา จำนวนเงินต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยสะสมของแต่ละช่วงเวลา
  • หากมีการเลิกสัญญา หรือเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบ 10 ปี จะไม่สามารถใช้สิทธิประกันลดหย่อนภาษีของกรมธรรม์ฉบับนั้นได้อีก พร้อมคืนภาษีย้อนหลังทั้งหมดที่ได้รับการลดหย่อนไป บวกกับดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือนของยอดภาษีที่ต้องจ่าย

วิธีเลือกประกันสะสมทรัพย์ลดหย่อนภาษี

เมื่อคุณตัดสินใจให้ประกันสะสมทรัพย์เป็นตัวช่วยลดหย่อนภาษี ก็มาถึงวิธีการเลือกประกันสะสมทรัพย์ให้คุ้มค่า มีรูปแบบที่เหมาะกับแผนทางการเงินของคุณ ตามคำแนะนำดังนี้

  • เลือกประกันสะสมทรัพย์ตามเป้าหมายทางการเงิน : ปัจจุบันมีประกันสะสมทรัพย์หลากหลายรูปแบบให้เลือก จึงแนะนำให้เลือกจากเป้าหมายการการเงินของคุณเป็นหลัก เช่น ต้องการสร้าเงินก้อนในเพื่อใช้ในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า ก็เลือกประกันสะสมททรัพย์ที่มอบความคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป โดยได้รับผลเงินก้อนคืนเมื่อครบกำหนดสัญญา หรือ ต้องการเงินก้อนใหญ่เพื่อนำไปใช้จ่าย หรือวางแผนในการลงทุนต่อยอดธุรกิจ ในระยะเวลาที่เร็วกว่า 10 ปี ก็แนะนำให้มองหาแบบประกันที่มอบเงินคืนก้อนใหญ่ในช่วงระหว่างระยะเวลาสัญญา และได้รับคืนอีกก้อนเมื่อครบกำหนดสัญญา ซึ่งการวางแผนเผ้สหมายทางการเงินแบบนี้ จะช่วยให้คุณมองหาแบบประกันที่เหมาะสมได้ง่ายยิ่งขึ้น

  • เลือกประกันสะสมทรัพย์จากความสามารถในการจ่ายเบี้ยฯ : แม้ว่าผลตอบแทนของประกันนั้น ๆ จะน่าสนใจเพียงใด ก็ต้องไม่ลืมที่จะประเมินว่าสามารถจ่ายเบี้ยประกันภัยได้ตามเงื่อนไขหรือไม่ แบบประกันนั้น ๆ รับชำระเบี้ยฯ เป็นรายเดือนหรือรายปี และต้องชำระเบี้ยประกันภัยเป็นระยะเวลาเท่าไหร่ เพื่อวางแผนจ่ายเบี้ยประกันได้อย่างต่อเนื่อง เพราะหากหยุดชำระในระหว่างสัญญาก็จะทำให้เสียประโยชน์ในการรับผลตอบแทน และสิทธิลดหย่อนภาษีไปด้วย

  • ศึกษารายละเอียดก่อนทำประกันทุกครั้ง : ดูข้อมูลให้ครบถ้วนรอบด้าน ทั้งความคุ้มครองชีวิต ผลประโยชน์เงินคืน เงื่อนไขและระยะเวลาความคุ้มครอง รวมไปถึงข้อยกเว้นของประกันแต่ละประเภทอย่างละเอียด

ซึ่งกรุงเทพประกันชีวิต มีบริการประกันชีวิตออนไลน์ ที่คุณสามารถกดดูรายละเอียดความคุ้มครองของแต่ละแบบประกันได้ สามารถกดคำนวณเบี้ย ดูผลประโยชน์เงินคืน รวมถึงเปรียบเทียบแต่ละแบบประกัน เพื่อให้คุณเลือกประกันสะสมทรัพย์ ลดหย่อนภาษีได้ตรงกับความต้องการของคุณได้มากที่สุด โดยคุณสามารถกดซื้อออนไลน์ได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ พร้อมรับสิทธิพิเศษในแต่ละเดือนเฉพาะการซื้อประกันผ่านช่องทางออนไลน์ เรียกได้ว่าคุณจะได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าอย่างที่สุดในการทำประกันสะสมทรัพย์

หมายเหตุ
- โปรดทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไขและข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง