ฝ่ายตรวจสอบ ถูกจัดตั้งขึ้นตามนโยบายของบริษัท เพื่อตรวจสอบและประเมินกิจกรรมงานด้านต่างๆ อย่างอิสระ เป็นการให้บริการกับองค์กร การตรวจสอบเป็นการควบคุมเกี่ยวกับการจัดการกับงานด้านต่างๆ ภายในองค์กรโดยการประเมินประสิทธิผลของระบบการควบคุมภายใน
วัตถุประสงค์ของงานตรวจสอบภายใน คือ ช่วยผู้ปฏิบัติงานทุกระดับในบริษัทให้สามารถปฏิบัติงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่บริษัทกำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และประหยัด โดยการวิเคราะห์วัตถุประสงค์ของกิจกรรมงานด้านต่างๆและทำการสอบทานกิจกรรมเหล่านั้น พร้อมกับให้ข้อเสนอแนะ เพื่อทำการปรับปรุงแก้ไขต่อไปรวมทั้งส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์ การควบคุม ดูแล การเก็บรักษาทรัพย์สินของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฝ่ายตรวจสอบมีขอบเขตการปฏิบัติงาน เพื่อให้แน่ใจว่าระบบการบริหารความเสี่ยง ระบบควบคุมภายใน กระบวนการกำกับดูแลกิจการ และความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัท ได้จัดให้มีขึ้นอย่างเพียงพอมีประสิทธิภาพตรงตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ในเรื่องดังนี้
- มีการระบุปัจจัยเสี่ยง ประเมินความเสี่ยง และบริหารความเสี่ยงไว้อย่างเหมาะสม
- ข้อมูลที่มีสาระสำคัญทั้งทางด้านการเงิน การบริหาร และการดำเนินงานได้จัดทำขึ้นอย่างถูกต้อง ครบถ้วน เชื่อถือได้ และทันเวลา
- การดำเนินงานสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และนโยบายที่วางไว้ โดยมีการปฏิบัติงานตามแผนที่กำหนดและเป็นไปตาม
ระเบียบ/ ข้อบังคับ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- ทรัพยากร และทรัพย์สิน ได้มีการจัดหาอย่างประหยัดใช้ไปอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สภาวการณ์ และค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม และมี
การควบคุมดูและป้องกันอย่างเพียงพอ
- มีการปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่องในทุกกระบวนการ และมีการพัฒนาระบบงานเพื่อความเพียงพอของการควบคุม และประสิทธิภาพ
ของการดำเนินงาน
นอกจากนี้ฝ่ายตรวจสอบยังมีส่วนในการนำเสนอปรับปรุงการปฏิบัติงานในด้านต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ เช่น เสนอปรับปรุงระบบงาน และกระบวน การทำงานของหน่วยงานด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ลดขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ซ้ำซ้อน เสนอปรับปรุงแนวทางการควบคุมให้มีประสิทธิภาพรัดกุมและลดความเสี่ยงต่อการผิดพลาด เพื่อรักษาชื่อเสียง และภาพลักษณ์ของบริษัท
ฝ่ายตรวจสอบมีความรับผิดชอบในผลงานตามหน้าที่ต่อฝ่ายบริหารและคณะกรรมการตรวจสอบในการที่จะรายงานผลการประเมินประสิทธิภาพของระบบการควบคุมภายใน ระบบการบริหารความเสี่ยง กระบวนการกำกับดูแลกิจการ (Corporate Governance) และความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility) รวมทั้งเรื่องสำคัญ ทั้งแนวทางการปรับปรุงและแผนการแก้ไข นอกจากนี้ยังต้องรายงานผลการปฏิบัติงาน การปฏิบัติตามแผนงาน การประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ ในบริษัท
ผู้บริหารฝ่ายตรวจสอบ และเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ มีหน้าที่ดังนี้
- จัดทำแผนการตรวจสอบประจำปีโดยพิจารณาปัจจัยเสี่ยง (Risk-based Methodology)
- เพื่อเสนอให้คณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาอนุมัติ
- ดำเนินการตรวจสอบให้บรรลุตามแผนที่วางไว้ รวมทั้งโครงการพิเศษที่ร้องขอ และ/หรือ สั่งการโดยฝ่ายบริหาร
และคณะกรรมการตรวจสอบ
- รายงานผลการตรวจสอบโดยตรงต่อกรรมการผู้จัดการใหญ่ และรายงานสรุปผลการตรวจสอบ พร้อมทั้งความคืบหน้าของการปฏิบัติ
งานเทียบกับแผนงานที่วางไว้ต่อคณะกรรมการตรวจสอบทุกไตรมาส
- สนับสนุนการปฏิบัติงานรวมทั้งให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจสอบ และฝ่ายบริหารที่เกี่ยวเนื่อง
กับงานตรวจสอบ
- พัฒนาบุคลากรของฝ่ายตรวจสอบให้มีความรู้ความชำนาญทั้งด้านวิชาชีพและธุรกิจอย่างพอเพียงต่อเนื่อง รวมทั้งสนับสนุนให้มี
Professional Certification ที่เกี่ยวข้อง
- ประสานงานกับหน่วยราชการ สมาคม องค์กรที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้สอบบัญชีภายนอก
- ดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ และสามารถปฏิบัติงานตามขอบเขตที่กำหนดไว้ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบจึงต้องมีอำนาจในการ
- กำหนดขอบเขตการตรวจสอบหน่วยงานภายในและสาขาของบริษัทตามที่เห็นสมควร ภายใต้มาตรฐานการประกอบวิชาชีพ
ตรวจสอบภายใน
- เข้าถึงข้อมูล ระบบงาน และบุคคลของบริษัทในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานตรวจสอบตามความจำเป็นและเหมาะสม
- เข้าทำการตรวจสอบทรัพย์สินและกิจกรรมต่างๆ ขององค์กรรวมทั้งหนังสือ บัญชี และเอกสารประกอบการบันทึกบัญชี
จดหมายโต้ตอบและรายงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง
- เข้าทำการตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานทุกระดับ การตรวจเอกสารต่างๆ สรรพบัญชี
- การคัดลอก การสำเนา รวมทั้งการเก็บรวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่สำคัญในการพิจารณา และประเมินผลในเรื่องต่างๆ
- สัมภาษณ์ สอบถาม หรือให้ผู้รับการตรวจสอบตอบแบบสอบถาม หรือแบบประเมินต่างๆ ให้ข้อมูลและ คำชี้แจงในเรื่อง
ที่ทำการตรวจสอบ
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบควรมีความอิสระในการปฏิบัติงาน และหลีกเลี่ยงการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่างๆ ซึ่งทำให้ผู้ตรวจสอบไม่สามารถ ปฏิบัติงานได้อย่างเป็นอิสระและเต็มความสามารถ เนื่องจากอาจจะทำให้ไม่บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ได้ และผู้ตรวจสอบจะต้องไม่มีความรับผิดชอบ หรืออำนาจหน้าที่โดยตรงในกิจกรรมที่ทำการตรวจสอบ / สอบทาน
ในการปฏิบัติงานตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบมีอำนาจอย่างเต็มที่ ไม่ถูกจำกัดในการเข้าถึงกิจกรรม รายการ ทรัพย์สิน และข้อมูลของพนักงาน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบ และผู้ตรวจสอบต้องเก็บรักษาข้อมูลที่เป็นความลับไว้อย่างเหมาะสม
- ตรวจสอบหน่วยงานต่างๆ ของบริษัทตามแผนการตรวจสอบ (Audit Schedule & Audit plan) เพื่อพิจารณาว่าได้มีการปฏิบัติงาน
ตามแผนงาน นโยบาย เป้าหมาย และวัตถุประสงค์ของบริษัท ตลอดจนระเบียบปฏิบัติและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการตรวจสอบ
ตามที่ได้รับมอบหมายพิเศษเฉพาะเรื่อง
- รายงานผลการตรวจสอบเสนอผู้บริหารหน่วยงานรับการตรวจเพื่อชี้แจง หารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเท็จจริง ข้อบกพร่อง
ที่ตรวจพบ และมาตรการแก้ไขปรับปรุงก่อนนำเสนอผู้บริหารระดับสายงาน
- รายงานผลการตรวจสอบเป็นลายลักษณ์อักษร และอธิบายถึงวัตถุประสงค์ ขอบเขตการตรวจสอบ ข้อบกพร่องที่ตรวจพบ และข้อเสนอ
แนะเพื่อการแก้ไขปรับปรุงต่อกรรมการผู้จัดการใหญ่
- รายงานสรุปผลการตรวจสอบต่อคณะกรรมการตรวจสอบเป็นรายไตรมาส
- ติดตามผลการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะในรายงานการตรวจสอบ และติดต่อประสานงานกับผู้รับการตรวจ ให้คำแนะนำ
ในการแก้ไขปรับปรุงให้ถูกต้อง
- พัฒนาบุคลากรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบให้มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์เพียงพอในการที่จะดำเนินการตรวจสอบเรื่องต่างๆ
- ผู้ตรวจสอบจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม มีมนุษย์สัมพันธ์ วางตัวเป็นกลาง รู้จักกาลเทศะ
มีทัศนคติที่ดีต่อเพื่อนร่วมงาน
จำแนกได้ 2 ลักษณะดังนี้
การตรวจสอบหลักฐานต่างๆอย่างเที่ยงธรรม เพื่อนำมาประเมินผลอย่างเป็นอิสระในกระบวนการบริหารความเสี่ยง การควบคุมและการกำกับดูแล กิจการที่ดีขององค์กร โดยปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังรอบคอบตามมาตรฐานวิชาชีพเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ แบ่งประเภทได้ดังนี้
เป็นการตรวจสอบเพื่อประเมินระบบการควบคุมภายใน และประเมินคุณภาพของการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้เพื่อให้องค์การมีความมั่นใจว่าแต่ละหน่วยงานมีระบบการควบคุมภายในที่ดีและการปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นการตรวจสอบการปฏิบัติงานของหน่วยงาน ระบบงานต่างๆ ของแต่ละกิจกรรมตามที่ฝ่ายบริหารกำหนด โดยมุ่งเน้น
ความมีประสิทธิภาพ (Efficiency) คือ มีการจัดระบบงานเพื่อให้มั่นใจได้ว่าการใช้ทรัพยากรสำหรับ แต่ละกิจกรรม
ขององค์กรสามารถเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน ซึ่งทำให้องค์กรได้รับผลประโยชน์อย่างคุ้มค่ามากที่สุด
ความมีประสิทธิผล (Effectiveness) คือ มีการจัดระบบงาน และวิธีการปฏิบัติงาน เพื่อมุ่งหวังให้ผลที่เกิด
จากการดำเนินงานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ และเป้าหมายขององค์กรที่กำหนดไว้
ความประหยัด (Economy) คือ มีการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ซึ่งส่งผลให้องค์กรสามารถลดต้นทุน หรือมีการใช้ทรัพยากรต่ำกว่าที่
กำหนด โดยยังคงได้รับผลผลิตตามเป้าหมาย
เป็นการตรวจสอบการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่างๆ ภายในองค์กรว่าเป็นไปตามข้อกำหนดทั้งจากภายนอก และภายในองค์กร เช่น กฎหมาย ระเบียบคำสั่ง มาตรฐาน นโยบาย แผนงาน และวิธีการที่กำหนดไว้ ซึ่งการตรวจสอบประเภทนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบทางการเงิน หรือ การตรวจสอบการดำเนินงาน หรือจะทำการตรวจสอบแยกโดยเฉพาะ
เป็นการตรวจสอบความถูกต้องเชื่อถือได้ของข้อมูลทางการเงิน โดยครอบคลุมถึงการดูแลป้องกันทรัพย์สิน และประเมินความเพียงพอของระบบ การควบคุมภายในของระบบงานต่างๆ ว่ามีความเพียงพอที่จะมั่นใจได้ว่า ข้อมูลที่บันทึกและปรากฎในบัญชี รายงาน ทะเบียน และเอกสารต่างๆ ถูกต้อง สามารถสอบทานได้ รวมทั้งสามารถป้องกันการรั่วไหล สูญหายของทรัพย์สินต่างๆ ได้
เป็นการตรวจสอบงานที่ใช้ระบบสารสนเทศในการดำเนินงานเป็นส่วนหนึ่งของงานตรวจสอบภายในทั้งการตรวจสอบทางการเงิน หรือการตรวจสอบ การดำเนินงาน วัตถุประสงค์ที่สำคัญของการตรวจสอบความปลอดภัยของระบบงานสารสนเทศ เพื่อให้ทราบถึงความน่าเชื่อถือของข้อมูล และการรักษาความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ
เป็นการตรวจสอบในเรื่องอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมายจากฝ่ายต่างๆ เช่น การตรวจสอบกรณีที่มีการทุจริตหรือการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริต ผิดกฎหมาย หรือกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริต การตรวจสอบภายในจะดำเนินการตรวจสอบเพื่อค้นหาสาเหตุ ข้อเท็จจริงรวมถึงผลเสียหายที่เกิดขึ้น หรือจะเกิดขึ้น และผู้รับผิดชอบพร้อมทั้งเสนอแนะมาตรการป้องกัน
กิจกรรมให้คำแนะนำ และการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับองค์กร ลักษณะและขอบเขตของงานเป็นไปตามความตกลงร่วมกันกับองค์กร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มคุณค่า และปรับปรุงการปฏิบัติงานขององค์กร เช่น การให้คำปรึกษา คำแนะนำ การอำนวยความสะดวก การออกแบบ กระบวนการปฏิบัติงาน และการฝึกอบรม
จะต้องเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ในวิชาชีพ และความรู้ในสาขาอื่นที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานตรวจสอบภายใน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และประสบความสำเร็จ ซึ่งต้องมีคุณสมบัติส่วนตัวที่เหมาะสม พอสรุปได้ดังนี้
- มีความรู้ความชำนาญในการปรับใช้มาตรฐานการประกอบวิชาชีพตรวจสอบภายใน และเทคนิคต่างๆ ที่จำเป็น
- มีความรู้ความเข้าใจหลักการบริหาร และเทคนิคการบริหารงานสมัยใหม่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการวิเคราะห์
และประเมินการบริหารงานขององค์กร
- มีความรู้ในหลักวิชาขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน เช่น การบัญชี เศรษฐศาสตร์ กฏหมาย ภาษีอากร การเงิน
การวิเคราะห์เชิงปริมาณ และเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น
- มีความสามารถในการสื่อความ การทำความเข้าใจในเรื่องต่างๆ การวิเคราะห์ ประเมินผล การเขียนรายงานรวมทั้งเทคนิคการนำเสนอ
- มีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจประกันชีวิต การวางแผนงาน การจัดทำงบประมาณ การบริหารเวลา และการควบคุมคุณภาพ
- มีความเชื่อมั่นในตนเอง จะเป็นบุคลิกที่ก่อให้เกิดความเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป
- มีความซื่อสัตย์สุจริต จริงใจต่อองค์กร และเพื่อนร่วมงาน
- มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี วางตัวเป็นกลาง รู้จักกาลเทศะ มีทัศนคติที่ดีต่อเพื่อนร่วมงาน
- มีความตื่นตัว กระตือรือร้นในการทำงาน และพัฒนาตนเองด้วยการหาความรู้และประสบการณ์ใหม่อยู่เสมอ
- ยึดมั่นในอุดมการณ์ หลักการที่ถูกต้อง กล้าแสดงความเห็นในสิ่งที่ได้วิเคราะห์ และประเมินจากการตรวจสอบ
- อดทน หนักแน่น รับฟังความคิดเห็นผู้อื่น สรุปผลเมื่อได้พิจารณาเหตุผลที่ชัดเจน
- มีปฏิภาณ ไหวพริบ สามารถที่วินิจฉัยและตัดสินปัญหาต่างๆ ได้อย่างถูกต้องเที่ยงธรรม
- มีวิสัยทัศน์ มองการณ์ไกล ติดตามวิวัฒนาการใหม่ๆ มีความคิดริเริ่ม ความคิดสร้างสรรค์
กฎบัตรนี้เป็นพื้นฐานในการช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทีมงานตรวจสอบและฝ่ายตรวจสอบ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นหน่วยงานในการติดตาม ประเมินผลการควบคุมเท่านั้น แต่จะต้องช่วยเพิ่มมูลค่าและการพัฒนาให้กับบริษัท รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Good Corporate Governance) และความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัท (Corporate Social Responsibility)
บริการงานตรวจสอบที่ให้ความเชื่อมั่น และให้คำปรึกษาอย่างเป็นอิสระและเที่ยงธรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการดำเนินงานของบริษัท และเป็นไปตามจรรยาบรรณที่ดี
- ส่งเสริมให้เกิดกระบวนการกำกับดูแลที่ดี (Good Corporate Governance) มีความรับผิดชอบต่อสังคม
(Corporate Social Responsibility)
- ส่งเสริมให้มีการบันทึกบัญชีและรายงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบ (Accountability and Responsibility) ให้องค์กรได้ข้อมูล
หรือรายงานตามหน้าที่ที่รับผิดชอบ และเป็นพื้นฐานของหลักความโปร่งใส (Transparency) สามารถตรวจสอบได้ (Audit ability)
- ส่งเสริมให้การปฏิบัติงานขององค์กรเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล (Efficiency and Effectiveness of Performance)
ซึ่งจะทำให้มีทิศทางมุ่งสู่ประโยชน์และเป้าหมายรวมขององค์กร
- เป็นมาตรการถ่วงดุลอำนาจ (Check and Balance) ส่งเสริมให้เกิดการจัดสรรการใช้ทรัพยากรขององค์กรเป็นไปอย่างเหมาะสม
ตามลำดับความสำคัญ เพื่อให้ได้ผลงานที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร
- ให้สัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า (Warning Signals) ของการประพฤติมิชอบหรือการทุจริตในองค์กรลดโอกาสความร้ายแรง
และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งเพื่อเพิ่มโอกาสของความสำเร็จของงาน
ให้ความเชื่อมั่น และให้คำปรึกษาต่อคณะกรรมการตวจสอบผู้บริหารระดับสูง และผู้เกี่ยวข้องในเรื่องดังต่อไปนี้
- ความเชื่อถือได้ และความถูกต้องของข้อมูลและรายงานทางการเงินและ การปฏิบัติงาน
- การปฏิบัติตามนโยบาย แผนงาน กระบวนการปฏิบัติ กฎหมายและกฎระเบียบ
- การดูแลป้องกันสินทรัพย์
- การดำเนินงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ
- การบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร และเป้าหมายของการดำเนินงานหรือโครงการ
จุดประสงค์ของประมวลจรรยาบรรณ คือ เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมของจรรยาบรรณในวิชาชีพการตรวจสอบภายใน
ประมวลจรรยาบรรณจึงเป็นสิ่งจำเป็นและเหมาะสมต่อวิชาชีพการตรวจสอบภายในซึ่งได้รับความไว้วางใจให้ปฏิบัติหน้าที่ให้ความเชื่อมั่นอย่างเที่ยงธรรมในการกำกับดูแล การบริหารความเสี่ยง และการควบคุม
ประมวลจรรยาบรรณ ครอบคลุมคำจำกัดความของการตรวจสอบภายในโดยผนวกสาระสำคัญอีกสองประการคือ
1. หลักการ (Principles) ที่เกี่ยวกับวิชาชีพและการปฏิบัติงานตรวจสอบภายใน
2. หลักปฏิบัติ (Rules of Conduct) คือ สิ่งที่ผู้ตรวจสอบภายในพึงประพฤติปฏิบัติ
หลักปฏิบัติเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยในการตีความและประยุกต์หลักการไปใช้จริงและพึงใช้เป็นแนวทางในการประพฤติตน
อย่างมีจรรยาบรรณของผู้ตรวจสอบภายใน
ผู้ตรวจสอบภายในพึงยึดถือและดำรงไว้ซึ่งหลักการต่อไปนี้ :
ความซื่อสัตย์ของผู้ตรวจสอบภายในสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและทำให้ดุลยพินิจของผู้ตรวจสอบภายในเป็นที่น่าเชื่อถือ
ผู้ตรวจสอบภายในจะแสดงความเที่ยงธรรมเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพในระดับสูงในการรวบรวมประเมิน และสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรม หรือกระบวนการที่ตรวจสอบ ผู้ตรวจสอบภายในจะประเมินสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นกลางไม่ลำเอียง และไม่ปล่อยให้อคติหรือบุคคล อื่นมีอิทธิพลเหนือการประเมิน
ผู้ตรวจสอบภายในจะเคารพคุณค่าและสิทธิความเป็นเจ้าของในสารสนเทศที่ตนได้รับและไม่เปิดเผยสารสนเทศโดยปราศจากอำนาจหน้าที่ ที่เหมาะสม เว้นแต่เมื่อกฎหมายหรือข้อปฏิบัติทางวิชาชีพกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
ผู้ตรวจสอบภายในจะใช้ความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานตรวจสอบภายใน
1.1. ปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความซื่อสัตย์ ขยันหมั่นเพียร และมีความรับผิดชอบ
1.2. ปฏิบัติตามกฎหมายและเปิดเผยข้อมูลตามที่กฎหมายและวิชาชีพกำหนด
1.3. ไม่มีส่วนร่วมโดยเจตนาในกิจกรรมที่ขัดต่อกฎหมายหรือการกระทำที่อาจเสื่อมเสียต่อวิชาชีพการตรวจสอบภายในหรือองค์กร
1.4. เคารพและสนับสนุนวัตถุประสงค์ที่ถูกต้องตามกฎหมายและหลักจริยธรรมขององค์กร
2.1. ไม่มีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือความสัมพันธ์ที่บั่นทอนหรืออาจบั่นทอนการประเมินอย่างเป็นกลาง ไม่ลำเอียง ของตน ทั้งนี้ รวมไปถึง
การกระทำหรือความสัมพันธ์ที่ขัดต่อผลประโยชน์ขององค์กรด้วย
2.2. ไม่รับสิ่งตอบแทนใดๆ ที่บั่นทอนหรืออาจบั่นทอนดุลยพินิจของผู้ประกอบวิชาชีพ
2.3. เปิดเผยความจริงทั้งหมดที่ทราบ ซึ่งหากละเว้นไม่เปิดเผยแล้วอาจทำให้รายงานผลการตรวจสอบบิดเบือนไป
3.1. รอบคอบในการใช้ และปกป้องสารสนเทศที่ได้มาระหว่างการปฏิบัติหน้าที่
3.2. ไม่ใช้สารสนเทศที่ได้มาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนหรือเพื่อการใดที่ขัดต่อกฎหมายหรือขัดต่อวัตถุประสงค์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
และหลักจริยธรรมขององค์กร
4.1 ปฏิบัติหน้าที่เฉพาะในงานส่วนที่ตนมีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ที่จำเป็นสำหรับงานส่วนนั้นเท่านั้น
4.2 ปฏิบัติงานตรวจสอบภายในโดยยึดมาตรฐานสากลการปฏิบัติงานวิชาชีพการตรวจสอบภายใน (International Standards for
the Professional Practice of Internal Auditing) เป็นหลัก
4.3 พัฒนาความชำนาญ ประสิทธิผล และคุณภาพของบริการอย่างต่อเนื่อง